Page 32 - ภาษาและทักษะเพื่อการสื่อสาร
P. 32
1-22 ภาษาและทักษะเพือ่ การสอ่ื สาร
ลงเรอื่ ยๆ ตามคำ� ทใี่ ช้ และยงิ่ ใชค้ ำ� ทเ่ี ปน็ นามธรรมนอ้ ยเทา่ ไร ทง้ั ผสู้ ง่ สารและผรู้ บั สารกม็ โี อกาสเขา้ ใจความ
หมายของสารไปในทางเดยี วกนั มากขึ้น
1.6 สารถูกสื่อตามข้อก�ำหนดและกฎเกณฑ์ (Messages are rule–governed) ในการสร้างสาร
เพอื่ ส่ือออกไป ผูส้ ่งสารจะตอ้ งก�ำหนดกฎเกณฑ์ของสาร ทง้ั โครงสรา้ งทางหลักภาษา ไวยากรณ์ และการ
ให้ความส�ำคัญของบริบททางสังคม เช่น เด็กต้องพูดมีหางเสียงกับผู้ใหญ่ หรือหากต้องการแสดงความ
เห็นอกเห็นใจผู้รับสารก็ควรเพ่มิ การสัมผสั โดยการแตะมอื หรอื ไหล่ของผ้รู บั สาร เปน็ ต้น
1.7 ระดับความครอบคลุมของสารต่างกัน (Message very in inclusion) บางคร้งั คำ� ท่สี ่ือออก
ไปอาจครอบคลมุ ผรู้ บั สารบางกลมุ่ แตไ่ มส่ ามารถครอบคลมุ ผรู้ บั สารอกี กลมุ่ หนงึ่ ได้ เชน่ เมอ่ื แพทยพ์ ดู คยุ
กนั เอง คำ� ทใ่ี ชจ้ ะมคี วามหมายทเี่ ฉพาะเจาะจง หรอื ศพั ทเ์ ฉพาะทางตา่ งๆ ทบ่ี คุ คลทว่ั ไปไมเ่ ขา้ ใจ หรอื การ
ใช้ภาษาถ่ิน หากพูดกับคนถ่ินเดียวกันก็สามารถเข้าใจกันได้ง่าย แต่หากใช้ภาษาถ่ินกับคนต่างถิ่นก็จะ
เขา้ ใจกนั ไดย้ าก
1.8 ระดับความตรงไปตรงมาของสารแตกต่างกัน (Message very in directness) สารที่ตรง
ไปตรงมาจะง่ายต่อการท�ำความเข้าใจความหมายของผู้รับสารโดยไม่ต้องใช้ทักษะการตีความมากนัก
เปรยี บเหมือนการพูดตรงกบั พูดอ้อมค้อม เชน่ การพดู ว่า “รบกวนเปดิ พดั ลมใหห้ นอ่ ย” กจ็ ะตรงไปตรง
มามากกว่าการพูดว่า “ห้องนี้อากาศร้อนจัง” ซ่ึงผู้รับสารอาจไม่เข้าใจว่าผู้ส่งสารต้องการให้ท�ำอะไร แต่
บางครั้งการพูดตรงไปตรงมาก็อาจไม่เป็นผลดีเสมอไป ท้ังนี้ข้ึนอยู่กับบริบทในการสื่อสารด้วย เช่น การ
พูดในที่ประชุมว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณ” อาจท�ำให้ผู้รับสารเกิดความรู้สึกในด้านลบ แต่
หากเปลี่ยนค�ำพูดเป็น “ความคิดของคุณก็น่าสนใจนะ แต่มันจะดีกว่าม้ัยถ้า...” ก็จะท�ำให้บรรยากาศใน
การสอ่ื สารดีขึ้น
1.9 ระดับการส่ือสารเพื่อปกป้องสิทธิหรือผลประโยชน์แตกต่างกัน (Message very in
assertiveness) ผู้ส่งสารบางคนกล้าท่ีจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองโดยการพูดหรือแสดงออกในส่ิงท่ี
คิดออกไป หรือโต้แย้งเมื่อถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่บางคนอาจไม่มีความกล้าเช่นนั้น จึงมีความลังเล ไม่
คอ่ ยพดู หรอื แสดงออกถงึ สง่ิ ทต่ี นคดิ หรอื สงิ่ ทรี่ สู้ กึ ออกไป การตคี วามหมายจากเพยี งเฉพาะผทู้ กี่ ลา้ โตต้ อบ
ก็อาจไมค่ รอบคลุมสถานการณ์ความเป็นจรงิ ท่ีเกิดขึน้ ทั้งหมด เพราะคนที่ไม่พูด ไมแ่ สดงออก ไมไ่ ดแ้ ปล
ว่าเขาไมย่ อมรบั หรอื เต็มใจให้ถูกเอารดั เอาเปรยี บ
2. ทฤษฎีภาพตัวแทนของ ไอ. เอ. ริชาร์ดส์
ไอ. เอ. ริชาร์ดส์ (I.A. Richards) (กาญจนา แก้วเทพ, 2554, 70) เป็นนักวิชาการด้านการ
ส่อื สารในยุคทศวรรษที่ 1920 ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งชว่ งเวลาน้นั ศาสตร์ “วาทศิลป”์ (Rhetoric) ก�ำลังเป็น
ทน่ี ยิ มจากคนในสงั คม หวั ขอ้ ทเ่ี ปน็ ประเดน็ สนใจของผคู้ นคอื กลยทุ ธต์ า่ งๆ ในการสรา้ งสารเพอ่ื โนม้ นา้ วใจ
แตร่ ิชารด์ สไ์ มไ่ ดเ้ หน็ ดว้ ยกับแนวทางดงั กลา่ ว เขากับเพอ่ื นรว่ มงานชือ่ ออกเดน (C.K. Ogden) ไดร้ ว่ ม
กนั นำ� เสนอแนวคดิ เกยี่ วกบั ถอ้ ยคำ� ความหมาย และการทำ� ความเขา้ ใจในวาทกรรมตา่ งๆ ลงในหนงั สอื ชอ่ื
“The Meaning of Meaning” ดว้ ยแนวคดิ ท่ีว่าวาทศิลปแ์ บบใหมไ่ มค่ วรมงุ่ เน้นแตก่ ารโน้มนา้ ว หากแต่
ควรม่งุ ท�ำความเขา้ ใจกับเร่ืองของภาษาและความหมายมากกวา่ ซึ่งแนวคิดสำ� คัญของรชิ ารด์ ส์ มดี งั น้ี