Page 27 - ลักษณะภาษาไทย
P. 27
คายมื ภาษาบาลี-สันสกฤต 9-17
4) ครชฺ ิต คชฺชิต “คารน, บันลือเสยี ง, เอกิ เกริก, กกึ กอ้ ง, กระหึ่ม”
5) ตรฺก ตกกฺ “ความตรึก, เหตผุ ล, ความคาดคะเน”
- ภาษาสันสกฤตสามารถใช้พยัญชนะซ้อนได้เกินกว่า 2 ตัว ซึ่งสามารถปรากฏได้ท้ัง
ตาแหน่งต้นคา กลางคา และท้ายคาก็ได้ แต่ภาษาบาลีจะมีพยัญชนะซ้อนกันได้ไม่เกิน 2 ตัว ซึ่งไม่
สามารถปรากฏในตาแหนง่ ตน้ คาและท้ายคาได้ ตวั อย่างเชน่
ภำษำสันสกฤต ภำษำบำลี ควำมหมำย
1) สถฺ าวร ถาวร “ต้งั มั่น, ม่ันคง”
2) ปฺรภา ปภา “แสง, แสงสวา่ ง, แสงไฟ”
3) จยฺ ุติ จตุ ิ “การเคลอื่ น, ตาย, เปลี่ยนสภาพจากกาเนดิ หนึง่
ไปเปน็ อกี กาเนดิ หนึ่ง”
4) ศรี ษฺ สีส “หวั ”
5) โชฺยติสฺ โชติ “ความรุง่ เรือง, ความสว่าง”
3. ลกั ษณะกำรสร้ำงคำในภำษำบำล-ี สันสกฤต
การสร้างคาในภาษาบาลี-สันสกฤต มีวิธีการสร้างคา 4 วิธี (ประยูร ทรงศิลป์, 2526, น. 99-
102) ดังนี้
3.1 กำรสร้ำงคำโดยวธิ ีกฤต เปน็ การนาเอาธาตุ8มาลงปัจจยั 9 ทาให้เกิดศพั ท์ 2 ชนิด คอื
1) นามศัพท์ เกดิ จากการนาธาตมุ าเติมปจั จัยนามกฤต ซง่ึ จะใช้เป็นคานามหรือคาคณุ ศัพท์
ก็ได้ ตัวอยา่ งเชน่
ธำตแุ ละควำมหมำย ปัจจยั รูปสำเร็จ ควำมหมำย
คมฺ (ไป, ถงึ ) + ติ ปัจจยั เป็น คติ “การไป”
ภิกขฺ ฺ (ขอ) + รู ปจั จัย เป็น ภิกขุ “ผู้ขอ”
ทา (ให)้ + ตุ ปจั จยั เปน็ ทาตุ “ผู้ให้”
8 ธาตุ (Root) คือ รากศัพท์ด้งั เดิม พยางค์เดียว ท่ีสามารถแตกเป็นคาต่างๆ ได้อีก ถือว่ามีความหมายเบ้ืองต้นอย่แู ลว้
ในตัว
9 ปัจจัย (Suffix) คือ ส่วนที่ประกอบเข้าข้างท้าย มี 2 ชนิด ได้แก่ ปัจจัยที่ลงท้ายธาตุ ทาให้ธาตุเป็นศพั ท์ และปัจจัยท่ี
ลงท้ายศัพท์ ทาใหศ้ พั ทม์ ีความหมายเพม่ิ ข้ึน